ลำปางไฟเขียว-ใบ-กิ่ง-ก้าน-ราก กัญชา นำมาเป็นส่วนผสมอาหาร พร้อมเตรียมจัดงานมหกรรมอาหารที่มีส่วนผสมของใบกัญชานำร่องแห่งแรก 19 มีนาคมนี้

Last updated: 2 มี.ค. 2564  |  43524 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ลำปางไฟเขียว-ใบ-กิ่ง-ก้าน-ราก กัญชา นำมาเป็นส่วนผสมอาหาร พร้อมเตรียมจัดงานมหกรรมอาหารที่มีส่วนผสมของใบกัญชานำร่องแห่งแรก 19 มีนาคมนี้

 

 

วันนี้ ( 1 มีนาคม 64)  ที่ห้องประชุมเวียงละกอน ศาลากลางจังหวัดลำปาง นายจำลักษณ์ กันเพ็ชร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้เป็นประธานในการประชุมผู้ประกอบการร้านอาหารจำนวน20ร้าน เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการนำใบกัญชามาเป็นส่วนผสมในอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน อย่างถูกต้องตามกฎหมายและเพื่อนำมาใช้ประโยชน์และต่อยอดเพิ่มเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยมีนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปางและตัวแทนวิสาหกิจชุมชรกลุ่มเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา นางณิชรัศม์ แลวงค์นิล หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง  นายชาญยุทธ คำวรรณ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง  นางวรรณา ดำเนินสวัสดิ์ หัวหน้ากลุ่มงานแพทย์แผนไทย และ เภสัชกร จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง ตัวแทนจากสถานีตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง เข้าร่วมให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามของผู้ประกอบการ


ทั้งนี้ทางด้านตัวแทนของสำนักงานสาธารณสุขได้ชี้แจงว่าขณะนี้ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อค 5 ตำรับที่มีส่วนประกอบของใบ กิ่ง ก้าน กัญชาจากบัญชีตำรับยาเสพติดให้โทษ ส่วนการนำมาทำอาหารนั้นขณะนี้ที่สามารถทำได้เลยคือ ใบ กิ่ง ก้าน ราก ของกัญชา สามารถซื้อจากแหล่งปลูกที่ได้รับอนุญาต สามารถนำมาประกอบอาหารรับประทานที่บ้านหรือนำมาปรุงสุกพร้อมทานในร้านค้าของตนเองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากจะนำใบ กิ่ง ก้าน ราก กัญชาไปแปรรูปจะต้องได้รับอนุญาต จาก อย.ก่อน ดังนั้นขณะนี้ที่สามารถทำได้เลยคือประกอบการปรุงสดพร้อมทานเท่านั้น และการโฆษณาก็ต้องบอกเฉพาะส่วนที่ได้รับอนุญาตและห้ามโฆษณาสรรพคุณ อาทิ ไข่เจียวใส่ใบกัญชา  เป็นต้น

ขณะที่ตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้บางส่วนของกัญชาจะถูกปลอดล็อคออกไปแล้ว แต่หากซื้อจากแหล่งที่ไม่ไดรับอนุญาตก็ยังถือว่าผิดกฎหมาย และการโฆษณาก็ต้องเน้นเฉพาะส่วนที่ได้รับอนุญาต เช่น ระบุใบ กิ่ง ก้าน ราก กัญชา เท่านั้น หากใช้แค่คำว่า กัญชา ก็หมายถึงรวมทั้งหมดก็ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งต้องระวังในเรื่องเหล่านี้

นายประพัฒน์ ได้กล่าวว่า ขณะนี้วิสาหกิจฯ ได้มีการปลูกกัญชาเพื่อส่งให่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยให้ฟรี ทำให้การปลูกในรอบที่2นี้ ยังคงเน้นไปที่ช่อดอก ทำให้ใบมีจำกัด แต่ตนเองในฐานะที่ช่วยผลักดันเรื่องนี้ก็อยากเห็นกัญชาซึ่งเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์ได้นำมาช่วยฟื้นเศษฐกิจฐานรากและอยากให้ประชาชนปลูกได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำร่องปลูกครัวเรือนละ6ต้น  ดังนั้นการนำร่องนำใบ กิ่ง ก้าน ราก ซึ่งไม่ใช่ยาเสพติดมาใช้ประโยชน์ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้แต่ทั้งนี้อยากให้ร้านค้าทุกร้าน ทำอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อที่จะได้เดินหน้าต่อได้

นายจำลักษณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เผยว่าตอนนี้นโยบายของจังหวัดลำปางคือต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องของการนำกัญชามาเป็นส่วนผสมของอาหาร ซึ่งมีสวนของนายประพัฒน์ ที่ปลูกถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งวันนี้ก็อยากส่งเสริมการท่องเที่ยววของจังหวัดลำปางด้วย และกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย จึงเชิญผู้ประกอบอาหารมาหารือว่าจะมีการจัดมหกรรมอาหารที่มีส่วนผสมของใบกัญชาขึ้น โดยทางสภาเกษตรกรแห่งชาติจะเป็นผู้สนับสนุนใบกัญชามาให้ทำเมนูอาหารในวันงาน ซึ่งคาดว่าหากการจัดงานได้รับการตอบรับดีคาดว่าร้านอาหารในลำปางลูกค้าก็จะตามไปรับประทานก็จะทำให้เศรษฐกิจในจังหวัดลำปางดีขึ้นตามไปด้วย

ทางด้านนายชาญยุทธ คำวรรณ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง กล่าวว่าสืบเนื่องจากที่สวนเพชรลานนาได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาเพื่อส่งให้โรงพยาบาล แต่เมื่อมีการปลดล็อคใบ กิ่ง ก้าน ราก ของกัญชา ทำให้ทางจังหวัดได้มาพูดคุยกันว่าควรมีการส่งเสริมนำมาใช้ในอาหารเพื่อส่งเสริมด้านสุขภาพและด้านเศรษฐกิจของพี่น้องชาวลำปาง โดยกำหนดวันที่19 มีนาคม ณ ลานรถม้า ศูนย์การค้าเซนทรัลพลาซาลำปาง โดยในงานนอกจากจะมีการออกบูธของร้านค้าที่มีเมนูส่วนผสมของใบกัญชาแล้วก็จะมี การจัดนิทรรศการ เสวนาให้ความรู้เรื่องกัญชาด้วย

สำหรับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา ซึ่งตั้งอยู่ตำบลแม่สุก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง และได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาถูกต้องตามกฎหมาย ขณะนี้ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวเชิงวิชาการ พร้อมมีเมนูอาหารที่มีส่วนผสมของใบกัญชาให้ทุกคนได้ลิ้มลอง ขณะเดียวกันการเดินชมไร่กัญชาสามารถถ่่ายรูปกับต้นกัญชา ดมกลิ่นจากต้นกัญชา และรับองค์ความรู้เรื่องกัญชาตั้งแต่สายพันธุ์ การเพาะปลูก จนถึงการเก็บเกี่ยว และตอบข้อซักถามเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆของกัญชา โดยมีค่าใช้จ่ายคนละ 1,000 บาท ประกอบด้วยอาหารเช้า-ชมไร่กัญชา-อาหารเที่ยง และของว่างปิดท้าย ทั้งนี้ต้องจองเป็นกลุ่มคณะล่วงหน้าเท่านั้น

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้