เด็กสาวต้องดู!!!ก่อนตกเป็นเหยื่อ-มาดูขบวนการตกเหยื่อ-ให้เด็กสาวยอมแก้ผ้าถ่ายรูปส่งให้แก๊งมิชฉาชีพได้อย่างไร

Last updated: 3 พ.ค. 2564  |  1209 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เด็กสาวต้องดู!!!ก่อนตกเป็นเหยื่อ-มาดูขบวนการตกเหยื่อ-ให้เด็กสาวยอมแก้ผ้าถ่ายรูปส่งให้แก๊งมิชฉาชีพได้อย่างไร

จากกรณีที่โลกโชลเซียลจังหวัดได้มีการแชร์โพสต์ข้อความเพื่อขอให้หน่วยงาน ผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือ ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ เข้าไปช่วยเหลือเด็กหญิงวัย 18 ปีคนหนึ่ง โดยข้อความระบุว่า

“หญิงสาวรายดังกล่าว แม่ติดคุก ต้องอยู่กับพ่อเลี้ยง ซึ่งมีอาชีพครูและมีลูกติดพ่ออีก1 คน แต่ไม่ได้เป็นญาติกัน แต่เห็นแซทของหลานที่พูดคุยกับหญิงสาวแล้วนิ่งเฉยไม่ไหว แต่ยังไม่ได้แจ้งตำรวจ หรือหน่วยงานใดทั้งสิ้นใครมีหนทางไหนหรือหน่วยงานไหนช่วยคุ้มครองเด็กได้บ้างหลานบอกมีคลิปที่เด็กโดนถ่ายอีกเยอะมากเด็กไม่กล้าบอกใครเพราะไม่มีใคร แล้วแม่ก็ติดคุกไม่มีใครส่งเสีย สงสารเด็กจริงๆคะ”

พร้อมโพสต์ภาพ เป็นแชทข้อความในลักษณะพ่อเลี้ยงขอถ่ายภาพลูกเลี้ยงคือหญิงสาวตอนที่ถอดเสื้อผ้า และภาพโป๊เปลือยของเด็ก ซึ่งหลังจากที่มีการแชร์ออกไปทำให้ชาวเน็ตมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวออกไปเป็นจำนวนมาก


กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปาน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ต้องนำกำลังตำรวจสายตรวจลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านกลางดึก ซึ่งคนในบ้านไม่มีใครรู้เรื่อง จากการพูดคุยกับครอบครัวของเด็กหญิงรายดังกล่าว ทราบว่าเหตุการณ์ที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์นั้นไม่เป็นความจริงเด็กพักอยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริงและเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว แม่ไม่เคยติดคุก ครอบครัวอบอุ่นดี


ต่อมาพ.ต.อ.รัฐการ สุรงคบพิตร ผกก.สภ.เมืองปาน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ออกมาเปิดเผยจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เด็กหญิงผู้เสียหายอยู่กับครอบครัวมี พ่อ แม่ ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดจริงๆมาตลอด ไม่มีพ่อเลี้ยง หรือแม่เลี้ยง และไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ต่างจังหวัดตามที่แร์กันในโลกโซเซียล ซึ่งกลางปี 2560 ได้มีคนร้ายทักเฟชบุ๊กส่งคลิปโป๊ชายสูงวัย กับเด็กมาให้เด็กหญิงผู้เสียหายและทำทีสอบถามว่ารู้จักคนในคลิปหรือเปล่า จากนั้นพอเด็กแชทตอบกลับไปหาคนร้ายซึ่งเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ จากนั้นคนร้ายอีกคนก็จะแสดงตัวว่าเป็น จนท.องค์กรสิทธิเด็ก พร้อมกล่าวหาเด็กว่าเป็นนกต่อและเป็นผู้ที่อยู่ในขบวนการซึ่งจะต้องมีความผิดและจะถูกดำเนินคดี ก่อนที่คนร้ายจะมีการต่อรองว่าให้เด็กส่งภาพโป้เปลือยของตัวเองไปและกับการที่จะไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ เด็กหญิงผู้เสียหายกลัวจึงส่งภาพโป๊เปลือยไปให้จากนั้นก็บล็อกการติดต่อกับกลุ่มมิชฉาชีพเพราะคิดว่าทุกอย่างจะจบแล้ว ซึ่งขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. ตรวจสอบเลขไอพี เพื่อติดตามกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมาย


ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ พบกับ นส.เอ(นามสมมุติ) ชาวลำปางซึ่งเป็นคนโพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือดังกล่าวในสื่ออนไลน์  โดยน.ส.เอ เปิดเผยว่าความตั้งใจของตนเองที่ดพสต์เรื่องดังกล่าว เพราะเมื่อเห็นเรื่องราวที่หลานสาวพูดคุยกับเด็กหญิง และคุยกับนายอำนวยที่บอกว่าเป็นพ่อเลี้ยงให้ดูแล้วก็รู้สึกสงสารเด็กหญิงคนดังกล่าวแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร ซึ่งคิดวาหากโพสต์เพื่อให้หน่วยงาน จนท. เข้าไปช่วยเหลือน่าจะเป็นเรืองที่ดีที่สุด จึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวดังกล่าว จุดประสงค์ของตนเองตอนนั้นคือต้องการช่วยเด็กไม่มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง เพราะรายละเอียดต่างๆที่หลานสาวมีมันสอดคล้องกันเป็นเรื่องเป็นราวจนน่าเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งตนเองก็ให้หลานสาวแคปภาพที่คุยกับอำนวยและหญิงสาวทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งขอยืนยันว่าข้อความทั้งหมดเป็นจริงไม่ได้เมคข้อมูล แต่ส่วนที่ว่าจะเป็นเฟชบุ๊คที่คนร้ายปลอมแปลงขั้นมาหรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบเพราะตอนนั้นต้องการเพียงแค่ช่วยเด็กเท่านั้น ทั้งนี้ตนเองได้นำแชทต่างๆมอบให้กับตำรวจเพื่อเป็นข้อมูลในการสืบสวนแล้ว


ขณะที่หลานสาว น้องหญิง อายุ 14 ปี ซึ่งเกือบตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิชาฉาชีพและเป็นผู้ที่ทักแซทพูดคัยกับกลุ่มมิชฉาชีพ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เคสของตนเอง มีตัวละครของกลุ่มมิชฉาชีพทั้งหมด 4 คน โดยตนเอง ชื่อการ์ตูนส์ เป็นเป้าหมาย(เหยื่อ) ส่วนตัวละครของกลุ่มมิชฉาชีพ มี 4 คน คือ

1.สุดารัตน์ (นกต่อ) ทำหน้าที่เป็นแม่พระใจดี อ้างตัวเป็นโมเดลลิ่งที่เก็บโทรศัพท์ของเพื่อนในเฟสของตนเองได้และต้องการส่งคืนขอให้ตนเองติดต่อให้ด้วย

2.มุก แสดงเป็นน้องสาวของเหยื่อรายก่อนหน้าซึ่งเป็นผู้เสียหายที่หลงเชื่อถ่ายภาพเปลือยของตนเองส่งให้คนร้าน

3.นุ่น แสดงเป็นเหยื่อ สวมรอยเป็น นุ่นตัวจริงที่เป็นเหยื่อรายก่อนหน้านั้น และ

4.อำนวย แสดงเป็นพ่อเลี้ยงหื่น 

        โดยเมื่อวันที่ 26 เม.ย.64 อยู่ๆคนชื่อสุดารัตน์(ตัวละคร1) ได้ทักแชททางเฟสบุ๊คมาหาแล้วบอกว่าเก็บมือถือไอโฟนของคนชื่อมุกได้แต่ไม่สามารถติดต่อมุกได้เพราะไม่ได้เป็นเพื่อนกันในเฟส จึงรบกวนตนเองช่วยประสานให้หน่อยเพราะเห็นเป็นเพื่อนในเฟสเพราะต้องการจะคืนโทรศัพท์ให้  ทั้งๆที่ตนเองกับสุดารัตน์ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เป็นแค่เพื่อนในเฟสเท่านั้น

ต่อมาตนเองก็ได้ทักไปหาคนชื่อมุก(ตัวละคร2) และได้บอกว่ามีคนเก็บโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งต่อมาก็มีการประสานในการส่งโทรศัพท์คืนโดยมีตนเองเป็นตัวกลางแต่คนชื่อมุกบอกว่าโทรศัพท์เป็นของพี่สาวคนละแม่ชื่อนุ่นเป็นชาวอำเภอเมืองปาน จากนั้นก็มีการส่งที่อยู่ให้คนชื่อสุดารัตน์เพื่อให้ส่งโทรศัพท์ให้

จากนั้นวันที่ 27 เม.ย.64 ก็มีคนอ้างตัวว่าชื่อว่านุ่น (ตัวละคร3) ทักเข้ามาหาตนเองก่อนทำตัวมาตีสนิทและเล่าเรื่องพ่อเลี้ยงที่ชื่อว่าอำนวย(ตัวละคร4) ให้ฟังว่าเป็นพ่อเลี้ยงหื่นชอบแอบถ่ายภาพตอนที่ตนเองเข้าห้องน้ำ  และตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว

ต่อมาวันที่ 1พ.ค.64 จึงขอให้ตนเองช่วยคุยกับพ่อเลี้ยงให้แล้วก็ส่งลิงค์แชทของคนชื่ออำนวยมาให้ตนเองเพื่อขอให้ตนแชตคุยกับอำนวยให้หยุดคุกคามนุ่น แต่สุดท้ายเจรจาไม่สำเร็จตนเองกลัวนุ่นจะเกิดอันตรายจึงนำเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไปปรึกษาน้าสาวเพราะคิดว่าเรืองทั้งหมดเป็นเรื่องจริงเพื่อขอให้น้าสาวช่วยนุ่น น้าจึงโพสต์ภาพและข้อความลงในเฟชบุ๊คเพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนเป็นข่าวดังกล่าว

หลังจากเรื่องกลายเป็นข่าวดัง ปรากฏว่าตัวละครทั้ง 4 ตัว คือ สุดารัตน์, มุก, นุ่น , อำนวย ได้บล็อคเฟสและลบข้อความที่เคยคุยกับตนเองหนีไปหมด และไม่สามารถติดต่อใครได้อีกเลย จึงทำให้เชื่อว่าตัวละครทั้ง 4 เป็นทีมเดียวกันทำหน้าที่มาตีสนิทเพื่อหวังอะไรบางอย่างจากตนโดยเฉพาะคนที่ชื่อสุดารัตน์ที่อ้างตัวเป็นโมเดลลิ่ง ได้หลอกเอาข้อมูลของตนเองไปหลายอย่างมาก แต่สิ่งที่คนร้ายไม่คาดคิดคือว่าแผนจะมาแตกเสียก่อนเพราะว่าน้าสาวนำเรื่องไปโพสต์ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือนุ่นและนุ่นตัวจริงก็มีตัวตนจริง ซึ่งเคยตกเป็นเหยื่อไปก่อนหน้านี้  ทำให้เชื่อได้ว่ากลุ่มนี้มีการทำงานอย่างมีแบบแผนเพื่อหลอกล่อให้เหยื่อตายใจ จึงอยากให้ตำรวจช่วยจับตัวแก๊งพวกนี้มาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ได้เพราะเชื่อว่าอาจจะมีเด็กอีกหลายรายถูกหลอกในลักษณะนี้และอยากบอกเพื่อนที่ได้รับข้อความหรือถูกแซทมาในลักษณะนี้ขอให้นำเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่ อย่าได้ทำอะไรด้วยตนเองเพราะจะต้องเป็นเหยื่อของแก๊งมิชฉาชีพได้ตลอดเวลา


สำหรับเคสของน้องการ์ตูน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายของกลุ่มมิชฉาชีพ หากเรื่องไม่แตก จะมีตัวละครตัวที่ 5-6 ตามมา คือจะมีคนแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรสิทธิเด็กฯ แซทเข้ามาหาแล้วแจ้งให้ทราบว่า น้องเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกเด็กซึ่งถือเป็นนกต่อและจะต้องถูกดำเนินคดี แต่หากไม่อยากถูกดำเนินคดีก็ต้องยอมเปลื้องผ้าถ่ายรูปโป๊ของตนเองไปแลกโดยวิธีถ่ายมิชฉาาชีพจะให้ใช้แบบวีดีโอคอลเปิดกล้องส่วนปลายทางจะปิดกล้องและให้เหยื่อโพสต์ท่าทางตามคำสั่ง จากนั้นกลุ่มมิชฉาชีพจะนำรูปไปขายในกลุ่มลับและหากรุปดังกล่าวขายได้แล้วในระยะหนึ่งสมาชิกเริ่มเบื่อก็จะใช้วิธีการเดียวกันเพื่อหาเหยื่อรายต่อไปเรื่อยๆ 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้