หนุ่มแจ้ห่ม-แพ้วัคซีนหลังฉีดมา24วันอาการไม่ดีขึ้น-แขนขาหดตัวไม่เท่ากัน ขณะที่ สปสช เยียวยาเพียง1หมื่นบาท-ช้ำใจหนักหลังหมอวินิจฉัย-อาการอาจเกิดจากการต่อต้านวัคซีนต้องพบจิตแพทย์

Last updated: 30 มิ.ย. 2564  |  2422 จำนวนผู้เข้าชม  | 

หนุ่มแจ้ห่ม-แพ้วัคซีนหลังฉีดมา24วันอาการไม่ดีขึ้น-แขนขาหดตัวไม่เท่ากัน ขณะที่ สปสช เยียวยาเพียง1หมื่นบาท-ช้ำใจหนักหลังหมอวินิจฉัย-อาการอาจเกิดจากการต่อต้านวัคซีนต้องพบจิตแพทย์

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายวุฒิชัย กาไว อายุ 26 ปี ชาวบ้านตำบลแม่สุก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันแรกคือ 7 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา แล้วเกิดอาการไม่พึ่งประสงค์ คือเริ่มจากปวดท้อง ปวดศรีษะ อาเจียน อ่อนเพลีย ท้องร่วง แขนซ้าย-ขาซ้าย ซึ่งเป็นซีกที่ฉีดวัคซีนเกิดอาการอ่อนแรงและชา และเกิดอาการใจสั่น เหนื่อย จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในอำเภอแจ้ห่ม และ โรงพยาบาลเอกชน ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน เรื่อยมา แต่ก็ยังไม่หาย จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ต้องเข้ารับการรักษาที่ รพ.ลำปาง อีกครั้ง


จนถึงวันนี้ ก็ยังคงมีอาการอ่อนเพลียเหมือนเดิม ปากที่เบี้ยวก็ยังไม่ปกติ แขนซ้าย-ขาซ้าย ซึ่งเป็นซีกที่ฉีดวัคซีนมีอาการตึงเกร่งทำให้เกิดอาการหดตัวจนทำให้สองข้างสั้น-ยาวไม่เท่ากัน ซึ่งหมอบอกว่าเป็นอาการสโตรค คือตนเองมีความเครียดและต่อต้านวัคซีนและวันนี้จะให้ทำแบบทดสอบกับทางจิตแพทย์ และนัดทำการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า( MRI )


ทั้งนี้นายวุฒิชัย เผยว่า หลังจากก่อนหน้านี้ตนเองมีสุขภาพแข็งแรง เป็นนักกีฬา แต่หลังจากฉีดวัคซีน ตนเองก็กลายเป็นคนป่วย เดินทางเข้า-ออก รพ.เพื่อรักษาตนเองมาตลอด โดยใช้เงินของตัวเองทั้งสิ้น งานก็ไม่ได้ทำเป็นภาระของพ่อแม่อีก ขระที่ สปสช.เยียวยาเพียงหนึ่งหมื่นบาท ตนเห็นว่าไม่สมเหตุสมผลซึ่งตนเองเสียค่าใช้จ่ายมากกว่านี้และเสียโอกาสต่างๆด้วย ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าสุขภาพจะกลับมาดีเหมือนเดิมหรือไม่ และที่ช้ำใจหนักไปกว่านั้นคือหมอบอกว่าอาการที่เกิดขึ้นกับตนเองเป็นเหมือนคนที่วิกตกและต่อต้านวัคซีนจะต้องให้พบกับจิตแพทย์เพื่อทดสอบทางจิต ซึ่งตนเองได้บอกว่าก่อนหน้านี้ตนเองไม่มีอาการอะไร ไม่ได้เครียด แต่หลังจากฉีดวัคซีนและเกิดอาการป่วยซึ่งแพทย์ก็ระบุแล้วว่าแพ้วัคซีนจริง ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นตนเองไม่ได้ป่วยทางจิต

ทางด้านนางจันทร์คำ กาไว อายุ 63 ปีผู้เป็นแม่ ได้เปิดเผยว่าตนเองกับสามีมีอาชีพทำนา รับจ้าง หลังจากลูกป่วยแม่ก็ต้องรับภาระมาดูแลลูก เหลือเพียงพ่อที่ต้องทำงานรับจ้าง เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เพราะไม่มีรายได้อื่น ซึ่งขณะนี้นอกจากที่ สปสช.เยียวยามาเพียงหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งตนเห็นว่าน้อยมากเพียงแค่ค่าเดินทางรักษาตลอดที่ผ่านมาก็ไม่เพียงพอแล้ว และก็ต้องใช้จ่ายดูแลลูกทุกวัน ก็ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายเลย มีเพียงแวะมาดูอาการของลูกเท่านั้น

“แม่เห็นอาการลูกแล้วก็หดหู่ใจเพราะดูอาการจะหนักขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพียงแค่รอไปวันวันเท่านั้น”


ข่าวที่เกี่ยวข้อง  https://www.newslampang.com/content/7472

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้