สหรัฐส่งทีมค้นหาร่างนักบินรบ-ปฎิบัติการนำนักบินกลับบ้าน-หลังถูกฝ่ายไทยสอยร่วงบนดอยฝรั่ง-ยุทธเวหาลำปาง2487-สงครามโลกครั้งที่2

Last updated: 28 ก.ค. 2564  |  4230 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สหรัฐส่งทีมค้นหาร่างนักบินรบ-ปฎิบัติการนำนักบินกลับบ้าน-หลังถูกฝ่ายไทยสอยร่วงบนดอยฝรั่ง-ยุทธเวหาลำปาง2487-สงครามโลกครั้งที่2

 

 

ในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต PAC ครั้งที่2/2564 ที่ผ่านมาเร็วๆนี้ ได้มีการนำเสนอแผนงาน สรุปการทำงานรวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะของที่ปรึกษาซึ่งมาจากหลายภาคส่วนของจังหวัดลำปาง เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการทำงานของอุทยานฯซึ่งเป็นป่าในเมือง ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งต่อการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและประโยชน์ต่อชาวลำปาง

ซึ่งจุดที่หน้าสนใจในการนำเสนอรายงานการปฎิบัติภาระกิจในช่วงที่ผ่านมา คือ กรณีที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้เข้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกา ในการเดินขึ้นสำรวจบนดอยฝรั่งยอดเขาในพื้นที่เขตบ้านทรายใต้ อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งอยุ่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต เพื่อติดตามหาร่างและสิ่งของอื่นๆของนักบินที่ชื่อ ร้อยโทHenry Francis Minco หนึ่งในนักบินที่ถูกแจ้งว่าสูญหาย ในระหว่างการทำสงครามโลกครั้งที่2 เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ค.ศ.1944 (พ.ศ. 2487) คือเมื่อ 77 ปีที่ผ่านมา


ซึ่งจากการสืบค้นดูเรื่องราว ประวัติศาสตร์ยุทธเวหาเหนือท้องฟ้าลำปาง ซึ่งถูกบันทึกและรวบรวม ไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ศึกษายุทธเวหาลำปาง เรื่อง ลำปางกับเหตุการณ์ญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่2 โดยอาจารย์ศักดิ์ ส.รัตนชัย ซึ่งปัจจุบันท่านอายุ 93 ปีเป็นผู้สื่อข่าวอาวุโสและเป็นนักประวัติศาสตร์ล้านนา มีความรู้รอบด้าน ยังจำเรื่องราวบางส่วนได้ดีแต่ก็ไม่สามารถจะเล่าเรื่องให้ฟังได้ทั้งหมด ท่านระบุว่าการรบในครั้งนั้นถือเป็นวีรกรรมของโลกที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น เกิดขึ้นในจังหวัดลำปางเป็นการรบทางอากาศในระยะประชิด 5 ต่อ 21 ป้องกันนครลำปาง ซึ่งในช่วงนั้นเป็นสมัยกองทัพพายัพ และกองบินใหญ่ผสมภาคพายัพ ตั้งอยู่นครลำปาง ซึ่งอยากให้ทุกคนได้อ่าน


ในหนังสือปรากฎรายงานเหตุการณ์สอบสวนร่วมในกิจกรรม ปศส. คือ วันที่ 11 พ.ย. 2487 เวลา 12.20 น.-12.37 น. กองบินที่14 สหรัฐส่งเครื่องบินโจมตีรวม 70 เครื่อง โจมตีจุดยุทธศาตร์ต่างๆรวมทั้งนครลำปางด้วย เขตหรือภาคพายัพลำปาง ปรากฎรายงานเครื่องบินจำนวน 21 เครื่องรุกน่านฟ้าตั้งแต่เชียงตุง แห่งสหรัฐไทยเดิม เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ได้มีภารกิจโจมตีแบบบินจิก ยิงเที่ยวเดียวไม่วนกลับ แล้วเข้าลำปางผ่านดอยขุนตาล ม่อนกระทิง เครื่องบินขับไล่ไทยเหลือเพียง5 เครื่อง กับ 5 นักบิน คือ  1.นาวาอากาศตรี(จอมพล)เฉลิมเกียรติ วัฒนางกรู ผบ.ฝูงบินขับไล่ที่15 กองบินใหญ่ผสมที่85พายัพ 2.เรืออากาศตี(น.ท.)คำรบ(ทองคำ) เปล่งขำ ผบ.หมู่บินขับไล่ที่15ผู้ยิงมัสแตงตก1เครื่อง 3.พันจ่าอากาศเอก(น.ต.)จุลดิส เดชกุญชร ผู้ร่วม ผบ.หมู่สกัดดั้น งาว-พะเยา-ลำปาง 4.พันจ่าอากาศเอก(พ.อ.อ.)วาสน์ สุนทรโกมล ผู้ร่วม ผบ.ฝูง สกัดกั้นถูกยิงเครื่องลุกไหม้กลางอากาศ 5.พันจ่าอากาศ (น.ท.)บุญเอียด(ธาดา) เบี้ยวไข่มุกค์ ถูกยิงรังปืนแตกชำรุดตกลงมา  ได้ขึ้นประทะ มีการสู้กันเหนือตัวตัวเมืองเก่า เมืองเขลางค์หรือเวียงคอกวัว และบริเวณแอ่งดอยเขางาม เครื่องบินคู่ต่อสู้อีกจำนวนหนึ่งได้บินโจมตีหัวรถจักรขณะแผ่นผ่านระหว่างสถานีผาลาดและสถานีแม่ทะ อันเป็นบริเวณที่มีปล่องภูเขาไฟร้าง ม่อนหินฟู และ จำป่าแดด อยู่ระหว่างสองข้างทางรถไฟ


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนั้นชาวลำปางเป็นพยานรู้เห็นวีรกรรมของนักบินทั้ง5ท่าน ได้เป็นอย่างดี ฝ่ายข้าศึกมีจำนวนมากเรียกว่ารุมกินโต๊ะ  ฝ่ายข้าศึกมีเครื่องแบบสองลำตัว พี.38 ที่ติดกระสุนปืนใหญ่อากาศ และ พี.51มัสแตง ปกอ.6กระบอก ทั้งอาวุธร้ายแรงและความเร็ว บินเป็นฝูงมาอย่างกระหึ่ง ส่วนของไทยทะยอยกันขึ้นทีละเครื่องและไต่ชันขึ้นไปสู้ มีกรพลิกวนยิงกันสาดกระสุนประสานกันเป็นสาย ของข้าศึกใช้กระสุนระเบิด กระสุนส่องแสงและเจาะเกราะ ต่างแยกหมู่4รุมเครื่องบินไทยหมู่ละเครื่อง (4:1) ข้าศึกพยายามดึงเกมต่อสู้ในระยะสูงเพื่อให้พ้นวิถี ปตอ.พื้นดินของลำปาง


ผลการต่อสู้ ผู้ฝูงเฉลิมเกียรติ ถูกยิงลูกสูบและล้อยางแตกหางฉีกกลางอากาศร่อนลงสู่สนาม ข้าศึกตามยิงซ้ำ ขณะที่พลพื้นดินช่วยนำตัวผู้ฝูงออกมาพ้นเครื่องราว50เมตรเครื่องก็ระเบิด

ส่วนจ่าวาสน์ ถูก4รุม1 เครื่องลุกไหม้กลางอากาศแม้ทันกระโดดร่มชูชีพแต่ถูกไฟครอกจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

จอ.จุลดิส ซึ่งขับเครื่องเบอร์4 ถูก พี.38ยิงด้วยปืนกลใหญ่จนเครื่องพังปีกขวาเป็นรูโบ๋ ห้องนักบินโดนกระสุน เครื่องพังและกระสุนเจาะหลังนักบิน เครื่องต้องถลาลงเหมือนนกปีกหัก พยุงให้บินต่ำแต่ก็ไม่ถึงหัวสนามบิน ล้อซ้ายแตะลงมาเจอจอมปลวก จนเครื่องหงายลำพลิกกระดก นักบินกระเด็นออกจากที่นั่งโหม่งโลกตรงหลุมบวกควาย สลบเมือดเลือดโชก ไหปลาร้าหัก มีผู้เข้ามาช่วยนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งตำนานบอกว่าแม่ธรณีบวกควาย(ปลักควาย)ช่วยชีวิตไว้

จอ.ธาดา ถูกเด็ดงากลางอากาศ คือเฟืองลูกเบี้ยวบังคับการยิงถูกกระสุนเจาะเกราะซัดพังน้ำมันเครื่องสาดเต็มท้องนักบินต้องร่อนลงที่ตำบลพิชัย

ส่วนเสืออากาศคำรบ เปล่งขำ หลบวิถีกระสุนตามรุม4ต่อ1โดยทิ้งดิ่งจากระยะสูงสู่ระยะต่ำกว่ายอดดอยม่อนพระยาแช่ทางด้านดอยกูลัว เครื่องบินมัสแตงลำเคราะห์ร้ายของข้าศึกตามมายิงกระหน่ำ เนื่องจากเครื่องบิน บินเร็วกว่า บินลอดใต้ท้องล้ำหน้าไปและรีบดึงเงยเพื่อหลบภูเขาตัดหน้าเครื่องของผู้หมู่คำรบ ๆไม่รอช้าเหนี่ยวไกยิงมัสแตงเครื่องนั้นตกในแอ่งห้วยโจ้อ้อมดอยกูล้วหลังม่อนพระยาแช่

จากภารกิจครั้งนั้นเครื่องบินฝ่ายไทยร่วงทั้งหมด โดยถูกยิงไหม้กลางอากาศตาย1 ขณะที่เครื่องบินคู่ต่อสู้สูญหายไป3เครื่อง โดยถูกยิงร่วงตาย1 ที่บริเวณแอ่งกูลัวม่อนพระยาแช่ ซึ่งนักบินที่ขับเครื่องบินลำดังกล่าวคือ ร้อยโท Henry Francis Minco และ เชียงราย  และ สหรัฐไทยเดิมเชียงตุง ส่วนนักบินไทยที่บาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่ รพ.วิชิตสงคราม นพ.ตวงธรรม สุริยะคำ ได้เหลือกระสุนผังไว้ในตตัวผู้ฝูงเฉลิมเกียรติ1นัดซึ่งอยู่กระสุนอยู่ในตำแหน่งที่หากผ่าตัดจะเป็นอันตราย


จากผลการสอบสวนเอกสารเรื่อง “เมื่อข้าพเจ้าส่งมัสแตงลงนรกที่ลำปาง” โดย น.ท.คำรบ(ทองคำ) เปล่งขำ ผบ.หมู่บินขับไล่ที่15 ได้เล่าในช่วงวินาทียิงว่า “ข้าพเจ้ากดเจ้าไกปืนขนาด 7.7 มม.บีบสุดแรง..เจ้ามัสแตงรูปงามที่ทลึ่งขึ้นสุดตัว แล้วก็ฟาดหางลงทางด้านขวามองเห็นไฟลุกเป็นทาง และเครื่องบินข้าศึกอยู่สูงจากพื้นไม่ถึง500เมตร(ก็)ถลาลง”.....”เหลียวไปด้านซ้าย เจ้าพี5 สองตัวกับ พี58อีก1ตัวกำลังมุ่งหน้ากลับเชียงราย”....ฯ...”พอถึงขอบสนาม(บิน)เท่านั้น มองเห็นพี.38สี่ตัวกำลังบินคุมเชิงอยู่ จึงตัดสินใจเลี้ยวบังหลืบเขาเพื่อไปลงยังสนามโรงน้ำตาลเกาะคา ขณะผ่านสถานีแม่ทะ(ผาลาด) พบรถไฟ1ขบวน ต่อมาจึงได้ทราบว่า พี.38 สี่ตัวที่ข้าพเจ้าพบ ได้ผลัดกันลงซ้อมยิงกินโต๊ะรถไฟขบวนนั้นจนช่ำมือแล้วก็บ่ายหน้ากลับ”....


ซึ่งหลังจากผ่านไป 77 ปี เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทีมงานค้นหาของ DEFENSE P0W / MIA ACCOUNTING AGENCY(DPAA) โดยสถานฑูตอเมริกา ได้เดินทางมายังพื้นที่ดอยฝรั่ง บ้านทรายใต้ ม.8 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง ที่สืบทราบว่าเป็นจุดที่เครื่องบินตก เพื่อทำการค้นหาซากเครื่องบิน พี.51 ที่ถูกยิงตก และชิ้นส่วนร่างกายหรือวัตถุพยานอื่นๆที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นของนักบินที่เสียชีวิต เพื่อนำนักบินกลับบ้าน โดยทีมงานได้นำอุปกรณ์ค้นหาโลหะมาทำการตรวจค้นรวม1สัปดาห์ซึ่งก็พบชิ้นส่วนบางอย่างที่คาดว่าจะเป็นเศษซากเครื่องบิน รวมถึงซิปชุดนักบินยี่ห้อ conmap Made in USA เมื่อพบก็จะมีการปักธงเป็นสัญลักษณ์ไว้ ซึ่งการเดินทงก็ค่อนข้างทุลักทุเลเพราะเส้นทางเป็นเนินขึ้น-ลงเขา ต้องใช้เชือกผูกยึดกับต้นไม้เพื่อใช้เป็นแนวดึง แต่การค้นหาตลอดสีปดาห์ก็เป็นไปด้วยดีแม้จะยังไม่ได้พบในสิ่งที่ค้นหาคือกระดูกหรือชิ้นส่วนบางอย่างที่ระบุว่เป็นนักบินก็ตาม ซึ่งทางทีมงานจะกลับมาอีกครั้งในปีหน้า


ทางผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับคุณลุงเย็น ขันตาเครือ อายุ 78 ปี ชาวบ้าน บ้านทรายใต้ ตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นผู้นำทีมผู้คนหาชาวอเมริกันขึ้นไปยังจุดที่เครื่องบินของทหารอเมริกาตกบริเวณบนดอยฝรั่ง คุณลุงเล่าให้ฟังว่าตนเองยังจำได้ในสมัยนั้นตนเองอายุได้ประมาณ 17-18 ปี ตามคุณพ่อคือพ่อติ๊บไปเลี้ยงวัวบนดอยและคุณพ่อพาไปดูและบอกว่าจุดนี้มีเครื่องบินของทหารอเมริกันตกและก็มีชิ้นส่วนอะไรตกในพื้นที่ แต่ด้วยตอนนั้นตนเองไม่ได้สนใจก็ได้แต่ดูเท่านั้นแต่จำได้แม่นยำ เพราะสภาพพื้นที่ภูมิประเทศไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากมีเพียงเศษหินดินอะไรต่างๆที่จะทับถมเท่านั้น ซึ่งตนเองก็พาชุดค้นหาไปยังจุดนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่มาก็นำเครื่องมือตรวจเมื่อพบวัตถุอยู่ใต้ดินเครื่องก็จะส่งเสียงดัง เจ้าหน้าที่ก็จะใช้อุปกรณ์เล็กๆคุ้ยเขี่ยดูซึ่งก็พบเป็นชิ้นส่วนหลายอย่างเช่นเศษโลหะเครื่องบิน ซิป และอื่นๆชิ้นเล็กๆ บางจุดมีเสียงดังแต่ก็ขุดไม่พบ ซึ่งอาจจะอยู่ลึก และอุปกรณ์ที่ขุดก็มีขนาดเล็กจึงไม่สามารถขุดลงลึกมากๆได้ ซึ่งครั้งต่อไปจะมีการมาสำรวจอีกครั้งคาดว่าจะใช้อุปกรณ์ในการขุดค้นหาขนาดใหญ่มาด้วยซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นก็อาจจะเจอชิ้นส่วนได้มากกว่านี้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้