นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นครเผยทำดีที่สุดแล้ว-หลังสภาฯไม่เห็นชอบการกันเงินงบประมาณรายจ่ายปี63-64ทำให้33โครงการตก

สืบเนื่องมาจากการประชุมสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2564 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองเขลางค์นคร โดยมีนายสุชาติ  จันต๊ะวงค์  ประธานสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นคร เป็นประธานในการประชุม และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นครเข้าประชุม 17 ท่าน นายสมยศ  โพธิ์ทอง  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ขอลากิจ 1 ราย มีญัตติที่สำคัญ 5 วาระ โดยในวาระที่5 ซึ่งเป็นวาระที่นายกฯต้องเสนอญัตติเพื่อขอความเห็นชอบต่อสภา ซึ่งในมีเรื่องการขอกันเงินงบประมาณรายจ่ายปี63-64 รวมอยู่ด้วย

นายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร ได้เสนอขออนุมัติกันเงินงบประมานปี 2563 และ 2564 ในการดำเนินโครงการทั้งหมด 33 โครงการ เป็นจำนวนเงินทั้งสิน 46,215,500 บาท (สี่สิบหกล้านสองแสนหนึ่งหมื่นห้าพันห้าร้อยบาทถ้วน) ซึ่งในจำนวน 33 โครงการนั้น รวมถึงโครงการที่จะนำมาปรับปรุงอาคารสำนักงานเทศบาล โครงการจัดทำโซล่าเซลล์เพื่อลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของสำนักงาน  การทำสวนสาธารณะ  ป้ายอาคารสำนักงาน รวมถึงโครงการที่มีความจำเป็นซึ่งชาวบ้านในชุมชนต่างๆอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งบางโครงการฯ ได้มีการจัดหาผู้รับจ้างรอไว้แล้ว เพื่อความรวดเร็วในการทำงาน แต่สภาฯเสียงส่วนใหญ่ก็ไม่อนุมัติ ทำให้งบประมาณถูกตัดตกหมด กลายเป็นเงินสะสม

     “ซึ่งผมบอกเลยว่าโครงการต่างๆที่ผมเสนอเข้าสภาฯไปนั้น จะได้นำเข้าอีกเมื่อไหร่ แต่ที่แน่นอนคืองบประมาณปี 64-65 ไม่ได้นำเข้าอีกแน่นอน แล้วปี 66 จะได้เข้าไหมก็ยังไม่รู้ แต่จริงๆมีระเบียบในการกันเงินไว้ ทุกโครงการฯผ่านคณะกรรมการชุมชน ผ่านการทำประชาคมชาวบเานมาหมดแล้วทั้งสิ้น แต่วันนี้งบทั้งหมดตกไป ตนในฐานะนายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นครและคณะผู้บริหาร และสมาชิกสภาเสียงข้างน้อย ได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ที่พยายามจะกันงบประมาณปี 63-64 ไว้ให้กับพ่อแม่พี่น้อง แต่เสียดาย ที่ผมมีเสียงข้างน้อยไม่สามารถนำงบประมาณลงไปให้กับประชาชนได้ ผมเสียใจมาก”

      ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง นายกเทศมนตรีนครลำปาง หลังจากเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่และเกิดกระแสดราม่า ขึ้นเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องเงินโบนัสของพนักงานเทศบาลทุกคน ซึ่งฝ่ายสมาชิกสภาเสียงข้างมากที่ไม่อนุมัติการกันเงินงบประมาณดังกล่าว โดยนายสุชาติ จันทร์ตะ๊วงค์ประธานสภาฯ ได้ออกมาให้ข่าวกับสื่อท่านหนึ่งว่า “โครงการจํานวน29โครงการของ สท.ชุดก่อนเสนอไปนั้นไม่มีรายละเอียด ไม่มีแบบแนบ และไม่แยกรายการ หากปล่อยให้โครงการนี้ผ่าน ทาง สตง.และ ปปช.เข้าตรวจสอบได้และหากพบมีความผิดทางสภาฯ ก็มีความผิดเช่นก้น อย่างลําดับโครงการที่28และ29ไม่มีการแนบเอกสารและรายละเอียดที่ชัดเจน รวมถึงไม่แยกรายการอย่างโครงการที่ระบุว่ามีวิศวกรควบคุมอยู่แลัว แต่กลับให้มีการจัางวิศวกรมาตรวจสอบอีกคนในส่วนนี้เป็นการสิ้นเปลืองเงินของรัฐที่ไม่จําเป็นอีกและเข้าข่ายถูกตรวจสอบอีก ส่วนโครงการที่1ถึง27 เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมาก ทาง สท.กลุ่มพลังไทยจะนําไปให้ประธานสภาฯ นำเข้ามาใหม่ และให้นายกฯไปพิจรณานําเข้าสภาฯอีกครั้ง” นั้น

นายไพฑูย์ กล่าวว่า ตนเองในฐานะนายกเทศมนตรี เป็นผู้นำโครงการต่างๆของชาวบ้านที่ผ่านการทำประชาคม และเป็นความต้องการของชุมชน เสนอเข้าสภาฯเพื่อขอกันเงินในการดำเนินงาน แต่ถูกตัดตกหมด ถามว่าต่อจากนี้การใช้เงินงบประมาณก็ต้องพิจารณาเแพาะในเรื่องความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น แล้วโครงการที่ชาวบ้านขอไว้แต่ไม่เข้าข่ายจำเป็นเร่งด่วนจะได้ทำไหม ก็ต้องตอบว่าไม่ได้ และถามว่า สท.สามารถนำโครงการเสนอสภาฯได้ไหม คนที่นำเสนอโครงการฯเข้าสภาฯคือนายกฯ แล้ว สท.จะมาบังคับให้ผม (นายก) นำโครงการเข้าสภาฯได้เหรอครับ ในเมื่อผมนำเข้าสภาฯไปแล้วแต่กลับถูกตัดตกทั้งหมด ซึ่ง สท.ทุกคนต้องทราบเรื่องนี้ หรือไม่รู้กฎหมาย จนทำให้ชาวบ้านเสียประโยชน์