Last updated: 6 พ.ย. 2564 | 704 จำนวนผู้เข้าชม |
จากกรณีที่ นายธนพิชญ์-นางอังคณา จรูญโรจน์ ณ อยุธยา พ่อกับแม่ของน้องอุ้ม หรือ นส.อรจิรา จรูญโรจน์ ณ อยุธยา วัย 16 ปี นศ.ชั้นที่ปี1 สาขาคอมพิวเตอร์กราฟฟิก วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ได้ร้องสื่อมวลชน เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผิดชอบและเยียวยาจากการจากไปของลูกสาว ซึ่งมั่นใจว่าเกิดจากการแพ้วัคซีน หลังเกิดอาการท้องเสีย อาเจียนหายใจติดขัดต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลลำปาง แพทย์ทำการรักษาแต่อาการก็ทรุดตามลำดับจนกระทั่งรักษาตัวในโรงพยาบาลได้4วันน้องเสียชีวิต ซึ่งอาการทั้งหมดเกิดหลังจากที่น้องอุ้มเข้ารับการฉีดวัคซีนPfizer เข็มที่2 โดยใบรับรองแพทย์ได้ระบุว่า “ลิ่มเลือดอุดกั้นปอดทั้ง2ข้างร่วมกับการติดเชื้อในกระเเสเลือด “ ซึ่งพ่อและแม่ติดใจมากว่าทำไมถึงไม่มีการรายงานว่าแพ้วัคซีนเลยและไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาประสานงานแต่อย่างใดหลังตั้งบำเพ็บกุศลศพน้องไว้ที่วัดศรีล้อม(แสงเมืองมา) ต.เวียงเหนือ เทศบาลนครลำปาง เป็นคืนที่2
หลังจากสื่อมวลชนได้เริ่มนำเสนอข่าวไปเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขเขต1 เชียงใหม่ ได้เดินทางมาแสดงความเสียใจพร้อมมาช่วยกรอกเอกสารต่างๆเพื่อนำไปยื่นเรื่องขอรับการเยียวยาแล้ว
ล่าสุดวันนี้ ( 6 พ.ย.) นายธนพิชญ์ พ่อน้องอุ้ม เปิดเผยว่าเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.แพทย์นิตเวช รพ.ลป.ได้มาขอรับศพน้องอุ้มกลับไปที่ รพ.ลป.อีกครั้งเพื่อขอตัดชิ้นเนื้อบริเวณตับอ่อน เพื่อชันสูตรว่ามีเรื่องของเบาหวานจริงหรือไม่ เนื่องจากตอนแรกที่น้องเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ห้องฉุกเฉินแพทย์เวรได้บอกว่าน้ำตาลน้องอุ้มสูงถึง400 แต่จากการพูดคุยกับแพทย์ที่มารับศพน้องทราบว่า การชันสูตรครั้งแรกพบลิ่มเลือดทั่วปอด ทั่วอวัยวะในร่างกายของน้องอุ้ม ซึ่งก็เชื่อได้ว่าเป็นการแพ้วัคซีน แต่ไม่ได้ตรวจเรื่องเบาหวาน ดังนั้นจึงขอชันสูตรซ้ำเป็นรอบที่2 เพื่อตรวจเรื่องเบาหวาน ซึ่งนายธนพิชญ์ กล่าวว่าถึงตอนนี้ก็มั่นใจแล้วว่าลูกเสียชีวิตจากการแพ้วัคซีนจริง ซึ่งต้องรอใบรับรองการชันสูตรที่เป็นทางการออกมาอีกครั้ง
สำหรับไทม์ไลน์ของน้องอุ้มก่อนเสียชีวิต นางอังคณา แม่ เล่าว่าก่อนหน้ากลุ่มผู้ปกครองที่อยู่ในกลุ่มไลน์ด้วยกันไม่ค่อยอยากให้ลูกฉีด ตนเองเป็นคนเกลี่ยกล่อมให้ผู้ปกครองยอมให้ลูกฉีดเพราะอยากเห็นลูกไปเรียนที่โรงเรียน ไปเที่ยว เข้าสังคมได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป ไม่อยากให้ลูกเป็นแกะดำของสังคม ให้ความร่วมมือกับนโยบายของรัฐบาล แต่ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะมาเกิดขึ้นกับลูกสาวของตนเอง
น้องอุ้ม เข้ารับการฉีดวัคซีนPfizer เข็มที่1 วันที่ 6 ต.ค. อาการปกติ และ มารับวัคซีนPfizer เข็มที่2 เมื่อวันที่ 27 ต.ค.โดยมีคุณแม่ไปส่ง ฉีดเสร็จประมาณ 13.32 น. ก็กลับบ้านซึ่งตอนแรกอาการของลูกก็ปกติ แต่พอหลังจากนั้นสายๆ
วันที่ 28-29 ต.ค.ลูกเริ่มปวดท้อง ท้องเสียต้องเข้าห้องน้ำ และมีอาการอาเจียนร่วมด้วย แม่คิดว่าลูกน่าจะเกิดอาการอาหารเป็นพิษ จึงไม่ได้คิดอะไร แต่ลูกก็ยังเข้าห้องน้ำ และอาเจียนเป็นน้ำเป็นระยะ ตลอดทั้งคืน จนลูกเริ่มอ่อนเพลีย แม่จึงให้ทานยาพาราเซตามอลทุก4ชั่วโมง และ ให้ทานโจ๊ก เกลือแร่ และซื้อยาแก้อาเจียนมาให้ทาน อาการท้องเสียเริ่มลดลง แต่อาเจียนยังมีเป็นระยะ
วันที่30 ต.ค น้องอุ้มเริ่มอ่อนแรง และ เริ่มมีอาการหายใจติดขัด หายใจทางจมูกไม่ได้ต้องหายใจทางปาก และเริ่มมีอาการอ่อนเพลียจนแม่ต้องค่อยประคองเพราะเริ่มลุกไม่ไหว กระทั่งบ่ายสองโมง แม่เห็นอาการน้องอุ้มไม่ดีเพราะหายใจเริ่มไม่ได้ จึง โทรเรียก 1669 ให้มารับตัวไป รพ.ลป
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ตรวจร่างกาย ระบุสาเหตุว่าน้ำตาลในเลือดสูงถึง400 (เบาหวาน) และเกิดภาวะเลือดเป็น กรด และด้วยที่เริ่มหายใจเองไม่ได้ต้องเจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจ ก่อนจะนำตัวเข้าห้อง ICU
จากนั้นครอบครัวได้ติดต่อสอบถามหมอ หลังลูกนอนรักษาตัวที่ รพ.1คืน หมอบอกว่า ลูกติดเชื้อในกระแสเลือด ต่อมาหมอบอกว่าความดันต่ำ และ ภาวะเม็ดเลือดขาวมากกว่าเม็ดเลือดแดง หัวใจเต้นผิดจังหวะต้องใช้เครื่องปั้มหัวใจ จนกระท่ังเช้าวันที่3 ตค.หมอก็บอกว่าหัวใจน้องหยุดเต้น รวมเข้ารักษาที่ รพ.ประมาณ 4 วัน (บ่ายวันที่ 30 ต.ค.- เวลา 09.00 น.วันที่ 3 พ.ย.) ซึ่งผลการชันสูตรเบื้องต้นที่โรงพยาบาลได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของน้องอุ้มว่า ลิ่มเลือดอุดกั้นปอดทั้ง2ข้างร่วมกับการติดเชื้อในกระเเสเลือด
พ่อ-แม่ น้องอุ้ม เปิดเผยว่า ระหว่างที่รับศพน้องออกจากโรงพยาบาล ตนเองได้สอบถามหมอ หมอก็ได้บอกด้วยปากเปล่าว่าอาการลักษณะน้ีก็อาจเกิดจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน แต่ในใบรับรองการเสียชีวิตกลับไม่มีระบุเรื่องวัคซีนเลย และที่สำคัญครอบครัวของตนเองไม่มีกรรมพันธุ์เป็นเบาหวานและน้องก็ไม่เคยเป็นเบาหวาน แต่ทำไมหมอถึงบอกว่าลูกเป็นเบาหวานมีน้ำตาลสูงถึง400 ซึ่งยอมรับว่าทำใจยากมากที่ลูกจากไปเร็วแบบนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ แม่เป็ฯคนไปเกลี่ยกล่อมผู้ปกครองในกลุ่มเพื่อให้ลูกๆไปฉีดวัคซีนเพราะเชื่อมั่นแต่ไม่คิดว่าครอบครัวเราจะมาเจอแจ็คพ็อตเสียเอง