หลังจากวานนี้ (18 ธันวาคม 2564) ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยเกาะคาลำปาง พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาล เกาะคา จ.ลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคา เดินทางไปตรวจสอบที่สำนักงานเทศบาลตำบลศาลา ตำบลศาลา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง หลังรับแจ้งมีเหตุคนผูกคอตาย ในห้องเก็บบัตร เก็บเอกสาร ภายในสำนักงานเทศบาลตำบลศาลา
เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ พบศพนางเพ็ญศิริ ถนอมจิตต์ อายุ 53 ปี ตำแหน่งนักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ ระดับ 6 เทศบาลตำบลศาลา อยู่บ้านเลขที่402 หมู่2 ตำบลศาลา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง สภาพศพ ผู้ตายใช้เชือกผูกคอกับเสาปูน ใกล้กับประตูม้วนเหล็กภายในห้องเก็บบัตรดังกล่าวเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการชันสูตรพลิกศพ และนำศพส่งโรงพยาบาลลำปาง เพื่อให้แพทย์ชันสูตรพลิกศพอีกครั้ง




ทั้งนี้จากการติดตาม Facebook ของนางเพ็ญศิริ พบว่าเมื่อวันที่1 ธันวาคม ได้มีการโพสต์ข้อความที่อัดอั้นตันใจเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้น ในช่วงโควิด แม้ที่ผ่านมาจะเกิดกับเหตุการณ์ต่างๆหลายระลอก แต่ก็พยายามปรับตัว เปลี่ยนแปลงการทำธุรกิจหลายอย่าง แต่เมื่อมาเจอโควิดทุกอย่างหยุด ไปต่อไม่ได้จนถึงทางตัน และถูกกดดันจากธนาคารที่โทรทวงตามจนสติแตก จิตตก ด้วยวงเงินที่เป็นหนี้กว่า5ล้านบาท ทรัพย์สินที่มีก็จะถูกยึด ธนาคารไม่ปล่อยเงินเพื่อให้มาหมุนเวียน จึงเดินต่อไม่ได้ พร้อมขอความช่วยเหลือโดยขอรับบริจาคเงินจาก อปท.ทั่วประเทศ แห่งละ 999 บาท พร้อมกับรูปภาพข้อความไว้ เหมือนเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้า
ซึ่งหลังจากเกิดเหตุสลดขึ้นเมื่อวานนี้ หลายคนได้ย้อนกลับไปดูดพสต์ดังกล่าว บางคนก็บอกว่า ทำไมไม่เห็ฯนโพสต์นี้ตั้งแต่แรก และส่วนใหญ่ก็แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

วันนี้ (19 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดศาลาไชย ซึ่งเป็นสถานที่ที่จะจัดงานศพ โดยญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านได้มาช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ ซึ่งได้พูดคุยสอบถามร้อยตำรวจตรี อรรถศิลป์ เรือนคำ อดีต ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร ซึ่งเป็น พี่ชายของผู้ตายบอกว่า น้องสาวตนเองนั้นเครียด เรื่องเงิน และเศรษฐกิจ หลังวิกฤตโรค โควิด-19 ระบาด เพราะช่วงหลังทราบว่าน้องสาวตนเองเป็นหนี้เยอะมาก ทั้งคอนโดมิเนียมที่ กรุงเทพก็กำลังจะถูกยึด และไม่กี่วันที่ผ่านมาน้องสาวตนเอง ขอยืมเงิน ตนเอง 1,500 บาท ตนเองก็ให้ไปแต่ไม่ทราบว่านำไปทำอะไรไม่ได้ถาม ซึ่งก็ไม่ได้แสดงอาการที่ผิดปกติอะไร ช่วงหลังก็มานอนกับแม่ แต่ทราบเพียงว่า น้องสาวกำลังเครียดเรื่องปัญหาทางการเงินหลังประสบสภาวะที่เป็นหนี้สินจำนวนมากในช่วง covid ประกอบการเป็นหนี้ 5 ล้านบาท จะไปกู้ธนาคารก็ไม่มีหลักทรัพย์และไม่สามารถจะไปกู้เพิ่มได้ ทุกอย่างหยุดชะงักหมด
ทางด้านนายเกษม สามี ก็ได้ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ภรรยาตนเอง ประสบกับปัญหาสภาวะเศรษฐกิจหลังจากที่เกิดcovid ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาธุรกิจหลายตัวที่ทำ ก็ขายไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวหยุดของฝากที่เคยขายให้กับนักท่องเที่ยวก็ขายไม่ได้ หยุดชะงักหมด ต้องปรับตัว หันมาทำเกษตรปลอดสารและทุกอย่าง แต่ก็ไม่ดีขึ้น จนไม่สามารถที่จะชำระหนี้สินที่มีอยู่ได้ ยอมรับว่าเครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่คิดว่าภรรยาจะตัดสินใจแบบนี้ส่วนที่ภรรยาขอรับบริจาคเงินนั้นก็สุดแต่ทุกท่านจะเห้ฯสมควรเพราะเป็นเจตนาของภรรยา