Last updated: 9 มิ.ย. 2565 | 835 จำนวนผู้เข้าชม |
วันนี้( 8 มิถุนายน 2565) อดีตนายตำรวจ สารวัตรปราบปราม สภ.สบปราบ คือ พ.ต.ท.สมชาย (ขอสงวนนามสกุล) อดีต สวป. อายุ 66 ปี ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เกาะคาลำปาง ว่าก่อนหน้านี้คือเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ช่วงเวลา 10.00 น. ขณะตนเองอยู่ที่บ้านพัก ได้มีโทรศัพท์ โทรมาหาเป็นเสียงผู้ชาย ใช้หมายเลขโทรศัพท์ +69766 914097150 แจ้งว่าโทรมาจากสำนักงาน กสทช.พร้อมกับบอกกับตนเองว่า มีบุคคลนำโทรศัพท์ไปใช้ในการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต้องการให้ตนเองไปแจ้งความ กับ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ขอออกใบรับรองแจ้งความเพื่อส่งกลับไป ที่ สำนักงาน กสทช. เพื่อทำการยกเลิก ในการที่จะถูกดำเนินคดี จากนั้นได้ให้ตนเอง กดเลข 9 ในโทรศัพท์มือถือ และให้แอดไลน์กับผู้ที่โทรเข้ามา
หลังจากแอดไลน์แล้ว ปรากฏชื่อเจ้าของไลน์ เป็น สภ.เมืองเชียงราย ตนเองจึงโทรศัพท์ไปทางไลน์และได้สนทนากับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปลายสายอ้างชื่อว่า ร้อยตำรวจโทสมศักดิ์ ตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย และจากนั้นทางร้อยตำรวจโทสมศักดิ์ ได้โอนสายให้คุยกับนายตำรวจอีกนายหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวได้ และหลังจากAdd LINE แล้วแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งอ้างตัวเป็น กสทช. ได้ส่งลิงค์โปรแกรม TeamViewer ซึ่งเป็น โปรแกรมที่ใช้ควบคุมการทำงานระบบคอมพิวเตอร์ฯได้ในระยะไกล จากนั้นจึงประสานสอบถามตนว่ามีโทรศัพท์กี่เครื่องซึ่งตนเองมีสองเครื่อง ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้วิธีโทรเข้าอีกเครื่องก่อนที่จะให้ถ่ายรูปหน้าจอเครื่องที่มีการรีโมทโดยใช้โปรแกรม TeamViewer แล้ว โดยห้ตนเองทำตามท่ีบอกทางโทรศัพท์ ก่อนที่คนร้ายจะเข้าควบคุมโทรศัพท์มือถือของพันตำรวจโทสมชาย ได้ทั้งหมดโดยที่ผู้เสียหายไม่ทราบเลยว่าคนร้ายทำอะไรบ้าง
หลังจากนั้นคนร้ายได้ใช้โปรแกรม teamviewer เข้ามา Control โทรศัพท์มือถือโดยมีการโหลด App กรุงไทย next หรือโมบายแบ้งค์กิ้ง เพื่อเข้าสู่ข้อมูลส่วนตัวและเข้าไปผูกบัญชีธนาครกรุงไทย ทั้งหมด 2 สาขา ก่อนที่จะทำการถอนเงินของพันตำรวจโทสมชายผู้เสียหาย ซึ่งมีเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทยสาขาแม่ทะ จำนวน 1,300,000 บาท และ ธนาคารกรุงไทย สาขาประตูชัย ประมาณ 300,000 บาท และคนร้ายก็ได้ถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารกรุงไทยของผู้เสียหาย ในวันที่ 1 มิถุนายน เป็นจำนวนเงินรวม 1,600,000 บาท และยังได้ถามผู้เสียหายอีกว่า มีบัญชีธนาคารอื่นอีกหรือไม่ ผู้เสียหายบอกว่าตนเองยังมีบัญชีที่มีเงินฝากอีกธนาคารหนึ่งคือธนาคารออมสิน สาขาเกาะคา มีเงินอยู่ในบัญชีประมาณ 200,000 บาท และในวันรุ่งขึ้นคนร้ายก็ยังติดต่อมายังผู้เสียหาย เพื่อให้เดินทางไปธนาคาร เพื่อไปสมัครแอป mymo ของธนาคารออมสิน และหลังจากผู้เสียหายได้ไปที่ธนาคารออมสินแล้ว และโหลด App mymo มาแล้ว ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ใช้กลอุบายเดิมโดยใช้โปรแกรมTeamViewer (ทีมวีเวอร์) รีโมทเข้ามาควบคุมในโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่จะถอนเงินในบัญชีธนาคารออมสินที่เหลืออยู่ 200,000 บาท ออกไปจากบัญชีจนหมดทุกบัญชี รวม 3 บัญชีเป็นเงินประมาณ 1 ล้าน 8 แสนบาท ซึ่งหลังเกิดเหตุแล้ว ผู้เสียหายสงสัยว่าจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินจึงเดินทางไปที่ธนาคารและ ทราบว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถอนเงินออกจากบัญชีไปเรียบร้อยแล้ว
โดยบัญชีปลายทางที่โอนไปเป็นของธนาคารเกียรตินาคินและธนาคารกรุงเทพเบอร์บัญชีธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี นายรัตนพล และบัยชีธนาคารเกียรตินาคิน ชื่อ นายพชร ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามเลขบัญชีดังกล่าวเพื่อออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีมาสอบปากคำ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นม้าขี่จะได้นำตัวมาดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและจะได้แจ้งข้อหาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้เสียหายเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าหลังจากเกษียณอายุราชการก็มีเงินก้อนสุดท้ายที่เก็บไว้หวังจะใช้ในบั้นปลายชีวิตจำนวน 1 ล้าน 8 แสนบาท
ก็ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกถอนไปจนหมด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้สมัคร App อะไรไว้สำหรับโอนเงินเลยเพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย แต่ก็ยังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้กลอุบายเข้ามาทำรายการในโทรศัพท์มือถือ จนสามารถถอนเงินออกจากบัญชีของตนเองไปได้ แล้วมีการ ไป ทำ รายการ โหลด App ต่างๆของธนาคารแล้วก็ทำการโอนเงินจากโทรศัพท์ของตนเองไปได้
ซึ่งอย่างไรก็ตามทางพันตำรวจโทสมชาย ผู้เสียหาย วิงวอนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจไซเบอร์ ขอให้ช่วยดำเนินการเร่งตามตัวผู้ที่ก่อเหตุ ทั้งเจ้าของบัญชีและผู้ที่จ้างเปิดบัญชี เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปให้เร็วที่สุดเพราะหากเงินที่คนร้ายถอนไปยังเหลืออยู่ตนเองก็ยังหวังว่าอย่างน้อยจะได้คืนมาบ้าง