แม่สุดทนพาลูกวัย7ขวบแจ้งความ หลังรับลูกจากพ่อที่หย่าร้างกันมาเที่ยววันเด็ก ลูกซึม ไม่กินข้าว พบรอยพกช้ำเต็มตัว เค้นถามจนลูกยอมรับว่าถูกแม่เลี้ยงทำร้าย

ในสังคมออนไลน์ของสังคมลำปางได้มีการแชร์ต่อโพสต์ของผู้ที่ใช้ชื่อว่า พี่นุ่นคลเดิม ที่เขียนข้อความว่า “พวกมึงต้องจิตใจเหี้ยแค่ไหนถึงตีลูกกูได้ขนาดนี้เรื่องนี้กูจะไม่ยอมจบ ลูกกูต้องไม่เจ็บตัวฟรีอีแม่เลี้ยงใจสัตว์” พร้อมกับลงรูปของลูกชายที่มีแผลรอยเขียวช้ำบริเวณหลังจำนวนมาก เอกสารการแจ้งความ และใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลลำปาง ที่ระบุว่าบาดแผลตามร่างกายถูกของชนิดหนึ่งที่ไม่มีคมกระทบ ซึ่งหลังจากมีการแชร์ต่อโพสตืดังกล่าวก็มีผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการให้ดำเนินคดีกับคนที่ทำร้ายเด็กให้ถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไปยังเจ้าของโพสต์ดังกล่าวคือคุณนุ่น ซึ่งเป็นแม่ของเด็กที่ถูกทำร้ายร่างกาย น้องต้นบุญ อายุ7ขวบ ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเองแยกทางกับสามี คือพ่อของน้องต้นบุญมากว่าสามปี และพ่อเด็กมารับเด็กไปดูแลต่อ ตั้งแต่น้องต้นบุญอายุได้ประมาณ4ขวบครึ่ง แต่ตลอดเวลาสามปีครึ่งพ่อก็ดูแลลูกดีไม่มีปัญหา จนกระทั่งเดือนธันวาคม 63 พ่อเด็กแต่งงานใหม่ เวลาไปรับลูกมาเที่ยวก็เริ่มเห้นลูกมีรอยบาดแผลซึ่งตอนแรกก็คิดว่าลูกซนตามประสาเด็กและยังไม่มาก ประกอบกับลูกก็ไม่ได้บอกอะไรจึงไม่แอะใจ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา ตนเองไปรับลูกมาเที่ยววันเด็กตนเองเห็นรอยแผลตามร่างกายูกมากขึ้นและเห้นชัดวึ่งพยายามถามลูกว่าไปโดนอะไรมา ตอนแรกลูกก็ไม่ยอมบอก แต่ลูกมีอาการซึมๆ ไม่พูด ไม่ยอมกินข้าว ตนเองจึงได้เค้นถามอยู่นานจนลูกยอมบอกว่าถูกแม่เลี้ยงใช้ไม้แขวนเสื้อตี ซึ่งลูกคงดื้อตามประสาเด็กและลูกเป็นเด็กสมาธิสั้นด้วย และแม่เลี้ยงก็ห้ามไม่ให้ลูกนำเรื่องนี้ไปบอกใคร ตนเองเห็นลูกแล้วก็สงสารมาก ซึ่งขณะนี้ลูกก้อยู่กับตนเองเพื่อรักษาตัว โดยตนเองได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เขลางค์นครแล้ว และนำลูกตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและพบหมอจิตเวชเพื่อประเมินอาการของลูก เพื่อใช้ในการฟ้องศาลต่อไป

ส่วนเมื่อเรื่องทางคดีเสร็จแล้ว ลูกก็คงต้องกลับไปอยู่กับพ่อเหมือนเดิม เพราะตนเองก็ไม่สามารถดูแลลูกได้เพราะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดตลอด ส่วนตายายก็ป่วยจึงไม่สามารถเลี้ยงดูได้ ส่วนพ่อเด็กคนเองได้สอบถามไปแล้วก้ได้บอกเพียงว่าได้ห้ามภรรยาแล้วเท่านั้น