แม่ร้องทนาย-สื่อฯ ช่วย-ส่งลูกสาววัย 8 ขวบ เข้าศูนย์พัฒนาการเด็กออทิสติกในสมุทรปราการ-เสียค่าดูแลเดือนละ 20,000 บาท-หวังให้ลูกช่วยตัวเองได้-ผ่านไปปีเศษต้องรับลูกกลับบ้านพบแผลเต็มตัว-หมอยืนยันชัด..ส่อถูกทารุณกรรม

Last updated: 30 เม.ย 2565  |  1362 จำนวนผู้เข้าชม  | 

แม่ร้องทนาย-สื่อฯ ช่วย-ส่งลูกสาววัย 8 ขวบ เข้าศูนย์พัฒนาการเด็กออทิสติกในสมุทรปราการ-เสียค่าดูแลเดือนละ 20,000 บาท-หวังให้ลูกช่วยตัวเองได้-ผ่านไปปีเศษต้องรับลูกกลับบ้านพบแผลเต็มตัว-หมอยืนยันชัด..ส่อถูกทารุณกรรม

จากกรณีที่เพจของ ทนายรณรรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้แชร์ข้อความว่า “พรุ่งนี้จะเข้าโบสถ์อยู่แล้ว มีเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองซึ่งลูกเป็นออทิสติกนำลูกไปฝากโรงเรียนประจำชื่อดังในจังหวัดสมุทรปราการ ค่าดูแลเดือนละ 20,000 บาทช่วงโควิดงดเยี่ยมก็เลยไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อไปรับลูกผลปรากฏว่า…อันนี้เป็นภาพที่เบาที่สุดที่น้องเจอ พร้อมภาพการตรวจร่างกายของแพทย์เบื้องต้นและภาพบาดแผลที่บริเวณข้อเท้า”

ผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องดังกล่าวพบว่าผู้ปกครองที่ร้องเรียนเป็นชาวลำปาง ซึ่งขณะนี้ได้พาลูกสาว วัย 8 ขวบ ซึ่งเป็นเด็กออทิสติก กลับบ้านที่ลำปางแล้ว โดยคุณแม่ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าลูกเป็นเด็กออทิสติกตั้งแต่เกิด พูดไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ ซึ่งอยากให้ลูกได้มีพัฒนาการที่ดีจึงได้พาลูกไปฝากที่ศูนย์กระตุ้น ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งตนเองทำงานอยู่ใกล้ที่นั่น โดยก่อนที่จะพาลูกไป ได้หาข้อมูลและเห็นในเพจของศูนย์ฯ จึงมั่นใจและเชื่อว่าจะสามารถดูแลลูกได้ เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการดีขึ้น ช่วยตัวเองได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท  โดยได้พาลูกไปอยู่ที่ศูนย์แบบกินนอน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.63 ซึ่งมีเด็กที่อยู่ประจำรวม 5 คน เท่านั้น ที่เหลือเป็นเรียนไป-กลับ โดยช่วง 3 สัปดาห์แรก ทุกเสาร์-อาทิตย์ จะไปรับกลับบ้าน แต่หลังจากเกิดสถานกาารณ์โควิดทางศูนย์ฯจึงไม่อนุญาติให้พาเด็กกลับตลอดปีเศษ โดยทางศูนย์ฯจะถ่ายรูปส่งมาให้ดูว่าลูกมีพัฒนาการแบบนั้นแบบนี้ ลูกพัฒนาการดีขึ้นซึ่งคุณแม่ก็ไม่ได้คิดอะไรและเห็นว่าลูกมีสุขภาพที่ดีเนื่องจากครูจะส่งเฉพาะรูปครึ่งตัวมาให้ดูเท่านั้น

จนกระทั่งตนเองตัดสินใจกลับบ้านที่ลำปาง เนื่องจากธุรกิจที่ทำไม่ดี สู้ค่าครองชีพไม่ได้ และได้แจ้งทางศูนย์ฯ เพื่อรับลูกกลับบ้าน โดยได้เดินทางไปรับลูก เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยครูบอกเพียงว่าลูกมีแผลที่ข้อเท้าเนื่องจากแพ้ถุงทรายถ่วงน้ำหนักเท่านั้น ซึ่งแม่ก็เห้นว่าลูกผอมมาก แต่ก็ยังไม่ได้ดูถ้วนถี่ ก่อนที่จะขับรถพาลูกกลับบ้านที่ลำปาง

กระทั่งช่วงค่ำ จะอาบน้ำให้ลูก ถอดเสื้อผ้า จึงเห็นว่าลูกมีแผลหลายแห่ง นอกจากแผลที่ข้อเท้าซึ่งซ้ำมาก ซึ่งไม่เชื่อว่าจะเกิดจากถุงทรายถ่วงน้ำหนักเพราะเมื่อทดลองสวมแล้วก็พบว่าถุงทรายหลวมไม่สามารถเกิดการเสียดสีจนเกิดแผลได้ และที่น่าตกใจคือบริเวณก้นและใกล้อวัยวะเพศมีแผลเป็นรอยแผลเยอะมาก แผลตกสะเก็ด รอยแผลที่ขาคล้ายรอยยิก รอยแผลที่หางคิ้ว ซึ่งเช้าวันถัดมาจึงโทรไปตามครู ครูอ้างว่าแผลที่ข้อเท้าเกิดจากการแพ้ ส่วนแผลที่ก้นไม่เห็น และขอให้คุณแม่ส่งรูปให้ดู หลังจากที่คุณแม่ส่งรูปให้ดูครูบอกว่าน่าจะเกิดจากการแพ้แพมเพิลและเป็นตุ้มน้องอาจจะแกะจนเป็นแผล แต่คุณแม่ไม่เชื่อ เพราะแค่ตนเองถอดเสื้อผ้าก็มองเห็นแล้ว คุณพ่อจึงตัดสินใจร้องไปยังทนายณรรงค์เพื่อช่วยเหลือ และวานนี้ (29 เม.ย.) จึงได้พาน้องไปตรวจร่างกายเบื้องต้นที่ รพ.ลำปาง

 

ซึ่งแพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่า ลูกผอม ขาดสารโปรตีน มีแผลติดเชื้อเก่าบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก แผลเก่าคล้ายรอยเล็บที่โคนต้นแขนสองข้าง โคนต้นขา แผลเป็นที่หางคิ้ว แผลถลอกสะเก็ดลอกที่โหนกแก้มขวา แผลเป็นสีคล้ำบริเวณเหนือรอบข้อเท้าขวาและสีจางเส้นบางหลายแผลเหนือข้อเท้าซ้าย คล้ายถูกผูกรัด มีความเห็นว่า เด็กขาดสารอาหารและอาจจะมีการรารุณกรรม ทั้งนี้ทางคุณแม่จะรอผลการตรวจเลือดอีกครั้งเพื่อจะได้ดำเนินการในด้านอื่นๆต่อไป

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้