อุทาหรณ์ เตือนภัย คุณตาวัย74 ตระเวนขอความช่วยเหลือ หลังถูกเพื่อนบ้านแสบทำทีหวังดีช่วยหาทางปลดหนี้สุดท้ายร่วมมือกับนายหน้าหลอกเซ็นต์ชื่อขายบ้านทราบอีกทีจะถูกยึดบ้านเดือนหน้า

Last updated: 28 มี.ค. 2567  |  391 จำนวนผู้เข้าชม  | 

อุทาหรณ์ เตือนภัย คุณตาวัย74 ตระเวนขอความช่วยเหลือ หลังถูกเพื่อนบ้านแสบทำทีหวังดีช่วยหาทางปลดหนี้สุดท้ายร่วมมือกับนายหน้าหลอกเซ็นต์ชื่อขายบ้านทราบอีกทีจะถูกยึดบ้านเดือนหน้า

นายบัญชา ตันตา ญาติของคุณตาสุพรรณ  ศรีใจสาร อายุ 74 ปิ ซึ่งพิการสายตาขวามองไม่ค่อยเห็นเพราะเป็นต้อกระจกและแขนขาด้านขวาอ่อนแรง พักอยู่ที่บ้านในตำบลปงแสนทอง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ปัจจุบันมีอาชีพค้าขายพระเครื่องเลี้ยงครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกัน 4 คนคือ คุณตาสุพรรณ ลูกสาว หลานและเหลน ซึ่งลูกสาวและหลานสาวก็รับจ้างทั่วไปหาเช้ากินค่ำ ซึ่งภาระก็ตกอยู่ทีทคุณตาสุพรรณ ได้พาคุณพาลูกและเหลนตระเวนขอความช่วยเหลือไปยังสถานที่ต่างๆตังแต่เช้า โดยเข้าไปนั่งรอขอพบผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางแต่เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางยังไม่เข้า จึงมีเจ้าหน้าที่มารับเรื่องแทน ก็จะพาไปยื่นเรื่องที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิจังหวัดลำปาง สำนักงานยุติธรรมจังหวัดลำปาง และสื่อมวลชน ก่อนที่จะไปยื่นเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองลำปางต่อไป


คุณตาสุพรรณ  ศรีใจสาร อายุ 74 ปิ ได้เล่าว่า เมื่อปี 2561 ตนเองนำบ้านพร้อมที่ดินไปจำนองไว้ รวมเป็นเงิน 965,027 บาท เพราะต้องนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวเพราะเกิดอุบัติเหตุ และจากนั้นมาก็เริ่มมีปัญหาสุขภาพจึงยังไม่มีเงินไปไถ่บ้านคืน ตนเองก็กังวลใจมากเพราะยังไม่รู้จะหาเงินมาจากไหนที่จะไปไถ่บ้านออกมา อยู่ๆวันหนึ่งนายเนตร เพื่อนบ้านซึ่งมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ทราบว่าตนเองมีปัญหาและกำลังต้องการความช่วยเหลือจึงได้มายื่นข้อเสนอว่าจะช่วยไปปิดบ้านและไถ่ถอนบ้านออกมาให้เพราะตนเองมีเงินอยู่หนึ่งแสนกว่าบาท และค่อยหาแหล่งเงินเอาบ้านไปจำนองใหม่ ซึ่งได้อ้างว่าตนเองได้งานก่อสร้างโครงการใหญ่ในจังหวัดเชียงราย หากนำบ้านจำนองแล้วตนเองจะขอยืมเงินส่วนหนึ่งเพื่อไปทำสัญญาและประมาณ2 เดือนก็จะได้เงินตนเองก็จะมาไถ่บ้านคืนให้พร้อมบอกว่าในช่วงที่นะบ้านเข้าจำนองตนเองจะเป็นคนจ่ายดอกเบี้ยแทนให้ทั้งหมดไม่ต้องเป็นห่วง

ด้วยความที่ตนเองมีปัญหาอยู่แล้วและเชื่อใจนายเนตรจึงได้ตกล จากนั้นนายเนตรได้พานายหน้าที่ดินมาถ่ายรูปบ้าน พร้อมกับคนที่จะซื้อ (ซึ่งตนเองเข้าใจว่าจะรับจอนแงบ้าน) มาดูบ้าน และไม่นานนนายเนตรก็มาบอกตนว่าหาแหล่งเงินที่จะเอาบ้านไปจำนองต่อไปแล้วแต่ตนขอวงเงินสามแสนห้า เมื่อไถ่หนี้บ้านเสร็จแล้วเงินที่เหลือตนเองจะนำไปทำสัญญาก่อน จากนั้นจึงนัดวันไปทำสัญญา

ซึ่งระหว่างนั้นคุณตาไม่ได้เล่าเรื่องราวดังกล่าวให้ลูกหรือหลานฟัง เพราะนายเนตรจะเข้ามาพูดคุยสองคน แม้กระทั่งวันที่ไปทำสัญญาที่สำนักงานที่ดินจังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 นายเนตรก็มารับตนเองไปเพียงลำพังไม่ให้ใครไปด้วย และเมื่อไปถึงทางเจ้าหน้าที่ก็ให้เซ็นต์เอกสารและเรียกเข้าไปสอบถามเพื่อทำสัญญาซื้อขาย ตนเองยังยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเองต้องการจำนองไม่ได้ซื้อขาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เรียกตนเองเข้าไปคุน2ครั้งตนเองก็ยังยืนยันคำเดิม

กระทั่งนายเนตรได้คุยกับนายพงษ์ คนซื้อ ซึ่งตนเองเข้าใจว่าเป็นผู้รับจำนอง มาคุยกับตนเองและนายเนตรได้เขียนสัญญาขึ้นมาในกระดาษเปล่าว่าจะซื้อบ้านคืนให้ตนเองภายในสองเดือนแน่นอน โดยมีนายพงษ์เป็นพยานด้วย แต่ขอให้ตนเองเซ็นชื่อเพื่อขายบ้านหลังนี้ไปก่อน จึงทำให้ตนเองมั่นใจว่านายเนตรจะซื้อบ้านคืนให้ตนเองเพราะรายละเอียดในเอกสารแผ่นดังกล่าวตนเองก็อ่านไม่ออกและหลังจากเซ็นชื่อพยานต่างๆแล้วตนเองก็ไม่ได้เอกสารแผ่นนั้นกลับมาแต่อย่างใด

หลังได้รับเงินจากนายพงษ์ นายเนตรอ้างว่าต้องจ่ายหนี้เดิมเก้าหมื่นกว่า และต้องจ่ายค่าอื่นๆอีกหกหมื่นกว่าบาททำให้เงินสดเหลือเพียง 165,700 บาท เท่านั้น และมอบเงินสดให้คุณตาอีกสามหมื่นบาทแม้คุณตาจะขอเพิ่มแต่นายเนตรก็ไม่ยอมให้ และเงินที่เหลือ 125,700 บาท นายเนตรได้เอาไปทั้งหมดพร้อมหักจ่ายดอกเบี้ยล่วงหน้าไปด้วยอีก2เดือน โดยอ้างว่าจะนำไปทำสัญญาและจะรับผิดชอบดอกเบี้ยให้ทั้งหมดจนกว่าจะมาซื้อบ้านคืนให้

ซึ่งที่ผ่านมาตนเองก็เข้าใจว่านายเนตรจะไปจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้รับจำนองและคงไม่มีปัญหาหากนายเนตรทำงานก่อสร้างเสร็จก็จะมาซื้อบ้านคืนให้ตนเองแต่ เมื่อวานนี้ ( 26 มีนาคม) นายพงษ์ ได้มาหาตนและบอกว่าให้ตนเองพร้อมครอบครัวเตรียมตัวเก็บข้าวของย้ายออกจากบ้านเพราะจะครบกำหนดวันที่ 16 เมษายน นี้ เพราะตั้งแต่รับเงินไปนายเนตรไม่ยอมมาจ่ายดอกเบี้ยหรือติดต่อมาอีกเลย จึงจำเป็นจะต้องยึดบ้านเพราะได้ซื้อบ้านไว้แล้ว ทำให้ตนเองร้อนใจมากพยายามติดต่อนายเนตรแต่ก็ติดต่อไปไม่ได้ไม่รู้จะอย่างไร จึงได้ขอให้นายบัญชา ซึ่งเป็นญาติมาช่วยเหลือพาตระเวนขอความช่วยเหลือเพราะตนเองและครอบครัวมีบ้านเพียงหลังเดียวและก็ไม่มีปัญหาจะซื้อบ้านหลังใหม่แล้ว ตนเองก็พร้อมจะจ่ายในส่วนที่ตนเองเป็นหนี้โดยจะขอนำบ้านไปจำนองที่อื่นที่สามารถนำเงินมาชำระหนี้ในส่วนของตนเอง และต้องการให้นายเนตรกลับมารับผิดชอบในส่วนของตนเอง และอยากขอร้องผู้รับซื้อซึ่งหากบริสุทธิ์ใจจริงก็คงทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าตนเองไม่มีเจตนาจะขายบ้านแต่ต้องการจำนองไว้เท่านั้น ขอให้โอกาสให้ทางครอบครอบหาเงินมาไถ่คืนด้วยเพราะตนเองกับลูกหลานเหลนไม่มีทางไปไหนได้แล้ว

ลูกสาว บอกว่าที่ผ่านมาตนเองกับพ่อไม่ค่อยพูดคุยกัน นายเนตรมักจะเข้าไปคุยกับพ่อเอง และพ่อก็ไม่เคยปรึกษาอะไรกับลูกหลาน หากเรื่องไม่แดงก็คงไม่ทราบ


นายบัญชา ตันตา บอกว่า จากที่คุณลุงมาขอให้ช่วยเหลือได้ดเอกสารและจากหลักฐานหลายอย่างเข้าใจได้ว่าคุณลุงโดนนนายเนตรหลอก อาจจะมีคนอื่นสมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่ไม่รู้แต่ที่แน่ๆคือคุณลุงไม่มีเจตนาขายบ้านแค่เพียงต้องการนำไปจำนองไว้เท่านั้น ซึ่งก็ได้ช่วยพาคุณลุงไปร้องขอความช่วยเหลือเพื่อให้มีการไกล่เกลี่ยกัน และจะพยายามหาช่องทางเพื่อให้หาเงินมาใช้ในส่วนของคุณลุงที่เอามา ส่วนนายเนตรก็ต้องมารับผิดชอบในส่วนของตนเองและกลับมาเอาบ้านคืนให้คุณลุงให้ได้ ซึ่งหากเจรจาไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ก็คงต้องพึ่งศาลเพราะทางสำนักงานยุติธรรมพร้อมช่วยเหลือด้านทนายไว้ให้แล้ว

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้