ยังไร้วี่แวว!!! มือดีฉกทับทิมที่ประดับบนนลาฏพระพุทธรูปสี่มุมเมืองประจำทิศเหนือลอยนวล

Last updated: 9 ก.พ. 2564  |  1103 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ยังไร้วี่แวว!!! มือดีฉกทับทิมที่ประดับบนนลาฏพระพุทธรูปสี่มุมเมืองประจำทิศเหนือลอยนวล

หลังจากมีกระแสข่าวว่าทับทิมสีแดงที่ประดับบนนลาฏ(หน้าผาก) องค์หลวงพ่อดำ หรือ พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ พระพุทธรูปสี่มุมเมือง ประจำทิศเหนือ ณ มณฑปภายในพื้นที่ศาลหลักเมืองจังหวัดลำปาง หายไป ประชาชนชาวลำปางได้มีการติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่มีควมคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด


พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ (พระพุทธรูปสี่มุมเมือง) สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ปางสมาธิ ประทับขัดสมาธิราบ โลหะหล่อสำริดหน้าตักกว้าง ๔๙ นิ้ว พระพักตร์แจ่มใส พระเนตรเปิด พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระบาทขวาทับพระบาทซ้าย และบนนลาฏจะประดับด้วยเม็ดทับทิมสีแดง1เม็ด และด้วยทั้งองค์เป็oสีดำ ชาวลำปางจึงเรียกว่า “หลวงพ่อดำ” เป็นพระพุทธรูปปกบ้านคู่เมือง หรือ พระอารามที่มีมหิทธานุภาพล้ำลึกปกป้องภยันตรายจากอริราชศัตรู ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายอัปมงคล เสริมดวงชะตาเมือง ตลอดทั้งคุ้มครองอาณาประชาราษฎร์ให้อยู่ร่มเย็น ตามตำราพุทธไชยปราการที่สืบทอดมาแต่โบราณ

เมื่อปี 2511  สถานการณ์บ้านเมืองมีภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ มีผู้คิดร้ายที่กระจายอยู่กว้างขวางรอบทิศ ที่มุ่งครอบครองประเทศ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ มีพระราชหฤทัยปราถนาแรงกล้าให้บ้านเมืองผ่านพ้นภัยพิบัติ พลเมืองดำรงชีวิตเป็นสุขราบรื่น ตั้งมั่นอยู่ในธรรมไม่หลงเป็นเครื่องมือความขัดแย้ง หลีกเลี่ยงต่อสู้ประหัตประหารกันเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้หล่อ “พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ” เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พุทธศักราช 2511 ซึ่งประมวลคุณวิเศษอันเอกอุที่บุรพมหากษัตริย์ทรงปกป้องภัยบ้านเมืองและพสกนิกรในอดีตมารวมไว้ กรมการรักษาดินแดน กองทัพบก กระทรวงกลาโหม เป็นผู้จัดสร้าง กรมการรักษาดินแดน คือหน่วยปกป้องรักษาบ้านเมือง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงสถาปนา ทรงมีพระพุทธนิรโรคันตราย ความหมายว่า “การปราศจากภยันตรายทั้งปวง” เป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาล เมื่อรวมพลังแห่งพระพุทธชัยวัฒน์แล้ว พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ ย่อมบริบูรณ์แก่การปกปักรักษาบ้านเมืองและอาณาประชาราษฎร์ในแผ่นดินทั้งสี่ทิศให้รุ่งเรืองเป็นที่สุด

วันที่ 27 ธันวาคม พุทธศักราช 2511 พระราชทานแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 4 จังหวัด ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต อัญเชิญไปประดิษฐานคุ้มครองแผ่นดินในทิศทั้งสี่ตามพระราชปณิธานสืบไป

องค์ที่ 1 ประจำทิศเหนือ ประดิษฐาน ณ ศาลหลักเมืองจังหวัดลำปาง

องค์ที่ 2 ประจำทิศใต้ ประดิษฐานภายในศาลาจัตุรมุขหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง

องค์ที่ 3 ประจำทิศตะวันออก ประดิษฐานในศาลาจัตุรมุข วัดศาลาแดง ถนนพิชัยรณรงค์สงคราม ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดสระบุรี

องค์ 4 ประจำทิศตะวันตก ประดิษฐานในวิหารบนเขาแก่นจันทร์ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี


ล่าสุดเมื่อวันที่ 26-27 ธันวาคม 2563 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง เทศบาลนครลำปาง และภาคีเครือข่ายต่างๆจัดงาน “สมโภชพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ (หลวงพ่อดำ)” เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความตระหนักรู้ถึงประวัติและความสำคัญของพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศให้กับประชาชนชาวลำปาง พร้อมทั้งฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีในการสมโภชพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ และ ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้ได้รับการอนุรักษ์ และการสืบสานในด้านต่างๆ ผ่านประเพณีพิธีกรรม อีกทั้งยังเป็นการสร้างกุศโลบายในการขจัดปัดเป่าภัยร้าย และปัดเป่าปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย เสริมดวงชะตาให้กับเมืองลำปาง แสะสร้างความร่มเย็นให้กับประชาชนในจังหวัดลำปาง


ซึ่งในวันดังกล่าวได้มีการตจัดพิธีทั้งบริเวณภายนอกและภายในมณฑปองค์หลวงพ่อดำ โดยในช่วงที่นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้เข้าร่วมพิธี สังเกตุเห็นว่าบริเวณนลาฏ(หน้าผาก) องค์หลวงพ่อดำ ทับทิมสีแดงซึ่งเคยประดับไว้ไม่มี จึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จนทราบว่าทับทิมได้หายไปจริง จนกระท่ังประชาชนทราบข่าวในเรื่องที่เกิดขึ้นจึงได้เกิดกระแสการติดตามเรื่องดังกล่าวขึ้น


ซึ่งทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ทราบว่าขณะนี้ได้มีการคำสั่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทางวัฒนธรรมจังหวัดลำปางตรวจสอบและรายงานเรื่องดังกล่าวให้ตนทราบแล้ว แต่เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด


ทั้งนี้แหล่งข่าวระดับสูงให้ข้อมูลว่าขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงโยนความรับผิดชอบกันไปมา ว่าจริงๆแล้วองค์หลวงพ่อดำ หน่วยงานไหนเป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบกันแน่ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบภายในมณฑป ก็พบว่าองค์หลวงพ่อดำขณะนี้กลายเป็นสีทองเนื่องจากมีประชาชนได้ทำแผ่นทองไปปิดทับทั้งองค์มานาน แมhกระทั่งบริเวณนลาฏ(หน้าผาก) ก็มีแผ่นทองไปปิดทับไว้ ซึ่งประชาชนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้เข้าไปตรวจสอบพร้อมๆกัน


และจากการตรวจสอบในเพจ “กิ่วลม-ชมลคอร” ซึ่งได้มีการถ่ายภาพองค์หลวงพ่อดำไว้ ระบุว่่าเมื่อวันที่ 13 กรกรฎาคม 2562 จะเห็นว่าบริเวณนลาฏยังคงมีทับทิมประดับและนูออกมาอย่างเห็นได้ชัด 


ขณะที่นายไทยเทพ อนุโมทนา หรอลุงทัศน์ อายุ 51 ปี ผู้ที่ดูแลบริเวณพื้นที่ศาลหลักเมืองและมณฑปหลวงพ่อดำ บอกว่าตนเองและป้าอีกหนึ่งคนเป็นจิตอาสาที่คอยดูแล ปัดกวาด ทำความสะอาดบริเวรนี้มานานตั้งแต่อยู่ในความดูแลของ อบจ.ลำปาง จนกระท่ังอบจ.ย้ายไปอยู่ที่อำเภอเกาะคา การดูแลจึงเป็นของเทศบาลนครลำปาง และด้วยที่ตนเองดูแลมานานเทศบาลจึงไว้วางใจให้ดูแลต่อโดยไม่ได้ให้เงินเดือนและไม่ได้เป็นพนักงานของเทศบาล  ซึ่งตนเองทำมาตั้งปี 2542 ปัจจุบันก็ 22 ปีแล้ว โดยไม่ได้รับเงินเดือนแต่ทางเทศบาลเปิดโอกาสให้นำดอกไม้ธูปเทียนมาจำหน่ายบริเวณศาลหลักเมืองเพื่อบริการลูกค้าแทน โดยตนเองจะเป็นคนเปิด-ปิดประตูมณฑปหลวงพ่อดำ เปิดประมาณ 07.00-15.30 น. ส่วนศาลหลักเมืองเปิดหลังจากทำความสะอาดหลวงพ่อดำเสร็จ เวลาก็จะไล่เลี่ยกัน และปิด 16.30 น. โดยตนเองจะถือกุญแจเปิดประตูมณฑปไว้ 2 ลูก และนำเก็บไว้ที่กองช่างเทศบาลนครลำปาง 1 ลูก

ส่วนวันที่ทราบว่าทับทิมที่ประดับอยู่ที่หน้าผากหลวงพ่อดำหายไปนั้น ตนทราบ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2563  หลังจากวันดังกล่าวตนเองขายดอกไม้เสร็จเวลาประมาณเที่ยงวัน จึงออกจากศาลหลักเมืองไปเยี่ยมป้าอีกคนที่ช่วยกันดูแลที่นี่เนื่องจากไม่ได้มาทำงาน และกลับเข้ามาประมาณบ่ายโมงครึ่ง ก้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งตนจำได้เพราะจะมาไหว้ศาลหลักเมืองและหลวงพ่อดำประจำ เดินมาถามตนเองหลังจากลงมาจากกราบหลวงพ่อดำว่า เม็ดทับทิมที่ติดหน้าผาดหลวงพ่อดำหายไปไหน ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบจึงบอกว่าไม่ทราบ จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก้ถามว่าแล้วจะไปแจ้งที่ไหน ด้วยความกลัวและตกใจตนเองจึงบอกว่าไม่ต้องแจ้งก็ได้ แต่หากจะแจ้งก็ไปแจ้งที่เทศบาลแต่ก็พูดเบาๆไม่ทราบว่าจะได้ยินไหม หลังจากนั้นตนเองก็ไม่ได้บอกใครอีกเลยเพราะกลัวจะถูกไล่ออกเพราะบกพร่องในหน้าที่

จนกระท่ังผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางทราบ และหลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจากกองกำกับการสืบสวนจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง และวันนี้มีเจ้าหน้าที่จากจังหวัดลำปาง เข้ามาสอบถามข้อมูลต่างๆเพิ่มเติมไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งตนเองคิดว่าทับทิมไม่ได้หลุดลงมาเองนอกจากจะมีคนไปแกะออก ดังนั้นใครที่เอาไปหากมีสำนึกรู้จักบาปบุญคุณโทษ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองในหลวงรัชกาลที่9พระราชทานไว้ก็อยากให้เอามาคืนด้วย นอกจากนนี้อยากให้หน่วยงานติดกล้องวงจรปิดให้ทั่งบริเวณทั้งด้านในและด้านนอก เพราะหากเกิดอะไรขึ้นจะได้ตรวจสอบได้ เพราะขณะนี้มีเพียงกล้อง1ตัว ที่ติดตั้งไว้หน้าประตูทางเข้าหลวงพ่อดำ ซึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาติดตั้งเมื่อเดือน พ.ย.63 ซึ่งก็หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไปแล้ว

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้