ชาวบ้านในพื้นที่สุดทนหลังพบมีกลุ่มมอดไม้เข้ามาลักลอบตัดไม้ในป่าชุมชนต่อเนื่องร้องเจ้าหน้าที่ปิดล้อม-รวบตัวได้2พร้อมของกลางส่งดำเนินคดี

วันนี้ (25 มิ.ย.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการอำนวยการชอง พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์  ผบก.ปทส. พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส.สั่งการให้ ร.ต.ต.วสุอนันต์ สารีพันธุ์ รอง.สว.(ป.) กก 4 บก.ปทส. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 ลำปาง ประสานงานไปยัง นายดนุศักดิ์ หมื่นโฮ้ง ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ นายเจนายเจษฎา เอนกคณา หัวหน้าสายตรวจศูนย์ป้องกันปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) กำลังเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.18 แม่เรียง) อำนวยการโดย นายสมศักดิ์ สกุลวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง  นายจิตกร ศรีจันทร์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและป้องกันไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านต้นผึ้ง ม.5 และกำลังชาวบ้านในพื้นที่ ต.ใหม่พัฒนา อ.เกาะคา จ.ลำปาง สนธิกำลังเข้าปิดล้อมและตรวจสอบจุดที่ได้รับแจ้ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านต้นผึ้ง  เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยาว  ซึ่งผืนป่าดังกล่าวชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ร่วมกันอนุรักษ์ให้เป็นป่าชุมชนเพื่อให้ชุมชนได้หากินกับป่าและอาศัยของป่าในการเลี้ยงชีพและหารายได้เสริมจากผลผลิตจากป่าแห่งนี้ แต่ระยะหลังพบว่ามีกลุ่มมอดไม้ ซึ่งเป็นชาวบ้านต่างพื้นที่แอบเข้ามาลักลอบตัดไม้ลำเลียงไม้ออกจากป่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผืนป่าที่อนุรักษ์ไว้เริ่มเสียหายเป็นวงกว้าง

ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในพื้นที่จึงได้จัดกำลังออกตรวจสอบรอบๆป่าและพบว่ามีร่องรอยการตัดไม้ทำลายป่าจึงรีบประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้าทำการปิดล้อม ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เข้ามาตัดไม้ทำลายป่าได้ 2 คน คือนายวีรภัทร อายุ 48 ปี และ นายหลั่น อายุ 63 ปี (ขอสงวนนามสกุล) ชาวบ้าน ม. 4 ต.แม่สัน อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะที่ใช้บรรทุกไม้ 1 คัน เลื่อยโซ่ยนต์ 1  เครื่อง ไม้หวงห้ามจำนวน 21 ท่อน โดยทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่าเข้ามาตัดไม้ในพื้นที่แห่งนี้จริง  เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางมาทำการบันทึกจับกุม โดยได้มีการเชิญเจ้าหน้าที่อัยการ ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะคา และส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะส่งตัวให้ ร้อยเวร สอบสวน สภ.เกาคา จ.ลำปาง ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป